หลุมสิวคือ ร่อยรองที่ปรากฎขึ้นหลังจากสิวหาย ซึ่งเป็นปัญหาผิวหน้าที่สร้างความหนักใจให้กับคนเป็นสิวอย่างมาก เพราะหลุมสิวทำให้ใบหน้าแลดูเหมือนกับผิวของดวงจันทร์ และยังรักษาให้หายได้ยาก รวมถึงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานาน กว่าจะให้หายกลับสู่สภาพปกติเหมือนเดิม ดังนั้นแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้หลุมสิวขึ้นบนใบหน้า และรักษาหลุมสิวให้ได้ผล เรามาดูกันดีกว่าว่าหลุมสิวมีกี่ประเภท เกิดจากสาเหตุอะไร และจะสามารถรักษาหลุมสิว ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง? : วิธีรักษาสิวอุดตัน

วิธีรักษาหลุมสิวอย่างได้ผล

สาเหตุการเกิดหลุมสิว

หลุมสิว เป็นส่วนหนึ่งของกลไกซ่อมแซมตัวเองของผิวหนัง ซึ่งระหว่างชั้นหนังกำพร้ากับหนังแท้ จะมีชั้นเซลล์ที่เรียกว่า Basal Cell Layer ซึ่งทำหน้าที่ในการซ่อมเซลล์ผิวที่สึกหรอ โดยเมื่อเกิดบาดแผลหรืออาการบาดเจ็บของชั้นผิวหนังที่ลึกจนทำลายชั้น Basal Cell Layer จะทำให้ร่างกายผลิตเซลล์ใหม่หรือพังผืดขึ้นมา เพื่อที่จะยึดเกาะผิวไว้กับเนื้อเยื่อข้างใต้ จึงทำให้เกิดหลุมสิวขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหลุมสิวมักจะเกิดจาก สิวอักเสบเสียเป็นส่วนใหญ่ และมาจากพฤติกรรมการบีบ เค้น แคะสิวด้วยส่วนหนึ่ง

ประเภทของหลุมสิว

  • Icepick Scars : ปากหลุมสิวจะกว้าง ส่วนก้นหลุมจะแคบ สังเกตเห็นได้ยากกว่าหลุมสิวแบบอื่น ๆ
  • Box Scars : ปากหลุมสิวกว้างแต่ไม่ลึก สังเกตเห็นได้ง่าย เพราะมักจะเป็นรอยกว้าง
  • Rolling Scars : เป็นรูเล็ก ๆ แต่ก้นหลุมลึก ซึ่งเป็นหลุมสิวชนิดที่รักษาหลุมสิว ยากที่สุด

หลุมสิว

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นหลุมสิว

  • ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการดูแลผิวเป็นประจำ มีส่วนช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส จึงช่วยให้สิวเกิดน้อยลง โดยในการล้างหน้าทำความสะอาดผิว จะต้องไม่ล้างหน้าบ่อยมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวเกิดระคายเคือง และควรเลือกใช้สบู่อ่อน ๆ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่อ่อนโยน และไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดหน้าที่รุนแรงต่อผิว
  • ห้ามบีบสิว แคะสิว แกะสิว เกาสิว เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้น และอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบรุนแรง ทำให้เป็นสิวอักเสบ ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่จะเป็นหลุมสิว
  • ไม่ฉีดสิวบ่อย ๆ แม้ว่าการฉีดสิวจะช่วยป้องกันการเกิดหลุมสิว แต่หากฉีดสิวบ่อย ๆ หรือฉีดสิวช้าเกินไป ซึ่งผิวตรงที่เป็นสิวอักเสบโดนทำลายไปแล้ว เมื่อทำการฉีดสิวก็มีโอกาสอย่างมากที่จะทำให้เกิดหลุมสิวตามมา
  • ดื่มน้ำและทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยในการบำรุงผิว เช่น ผัก ผลไม้ ที่มีวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี และคอลลาเจน

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นหลุมสิว

บทความน่าอ่าน 17 วิธีรักษาสิวอักเสบ

วิธีรักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติ

วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยหอมแดงกับมะนาว

รักษาหลุมสิว หอมแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยฟื้นฟูรอยหลุมสิว และมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ และมีวิตามินซีสูง ช่วยรักษาพวกริ้วรอยจากสิวกับรอยหลุมสิวได้อย่างดีเยี่ยม

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
หอมแดง
มะนาว

วิธีรักษาหลุมสิว

รักษาหลุมสิวธรรมชาติ นำหอมแดงมาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วทุบเบา ๆ ให้น้ำหอมแดงออกมา แล้วบีบมะนาวใส่หอมแดงที่เตรียมเอาไว้ จากนั้นนำหอมแดงมาโปะทิ้งไว้ตรงบริเวณผิวหนังที่เป็นหลุมสิว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ค่อยล้างออก โดยควรทำสูตรนี้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง

รักษาหลุมสิว ด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

รักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริก ซึ่งช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้หลุมสิวอ่อนนุ่มและจางลง โดยน้ำมันมะพร้าวจะช่วยให้หลุมสิวค่อย ๆ ดีขึ้น และช่วยลดปัญหาสิว รวมถึงช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น

รักษาหลุมสิวด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

วิธีรักษาหลุมสิว
หลังจากที่ล้างหน้าก่อนนอนเสร็จแล้ว ให้ทานำมันมะพร้าวสกัดเย็นให้ทั่ว ๆ ใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้จนเช้าแล้วค่อยล้างออก

รักษาหลุมสิว ด้วยมะละกอสุก

รักษาหลุมสิวด้วยตัวเอง มะละกอมีเอนไซม์ที่ช่วยในการกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออก และช่วยในการสมานแผล จึงช่วยให้หลุมสิวจางลง

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
มะละกอสุก

วิธีรักษาหลุมสิว
เริ่มจากปอกเปลือกมะละกอ นำเนื้อมะละกอมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาบดจนละเอียด จากนั้นนำมาพอกหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที ค่อยล้างออกให้สะอาด โดยควรทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

รักษาหลุมสิว ด้วยว่านหางจระเข้

วิธีรักษาหลุมสิวแบบธรรมชาติ ว่างหางจระเข้ ช่วยให้หลุมสิวจางลง ช่วยสมานผิวได้ดี ช่วยกระตุ้นให้หนังหดตัว ช่วยป้องกันการอักเสบ ช่วยในการบำรุงรักษาผิวให้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

รักษาหลุมสิวด้วยว่านหางจระเข้

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
ว่านหางจระเข้

วิธีรักษาหลุมสิว
นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก นำเอาวุ้นใส ๆ ไปล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้  5-10 นาที ค่อยล้างออก วิธีลดหลุมสิวนี้ ควรทำเป็นประจำ 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์

บทความน่าอ่าน 17 วิธีรักษาสิวผด

วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยมะเขือเทศและน้ำมะนาว

เป็นสูตรรักษาหลุมสิว ที่จะช่วยในการผลัดผิว ทำให้ผิวตื้นขึ้น จึงช่วยลดรอยหลุมสิว และยังช่วยในการรักษาสิวอุดตันกับสิวอักเสบอีกด้วย

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
มะเขือเทศ
มะนาว

วิธีแก้หลุมสิว
นำมะนาวมาบีบเอาน้ำใส่ไว้ในถ้วย ต่อมานำมะเขือเทศมาบด แล้วนำมาผสมกับน้ำมะนาว จากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ 10-15 นาที ค่อยล้างออก ซึ่ง วิธีแก้หลุมสิวนี้สามารถทำได้ทุกวัน

วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยใบบัวบก

ลดหลุมสิว ใบบัวบกมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งสามารถช่วยรักษาสิว และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของชั้นผิวหนัง จึงช่วยฟื้นฟูรอยแผล รอยหลุมสิวให้จางลง

รักษาหลุมสิวด้วยใบบัวบก

ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
ใบบัวบก ประมาณ 1 กำมือ

วิธีลดหลุมสิว
นำใบบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปปั่นจนละเอียด จากนั้นนำมาพอกหน้า ปล่อยทิ้งไว้ราว ๆ 20-30 นาที ค่อยล้างออก วิธีลดหลุมสิวนี้ ควรทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยการใช้กรด AHA

การรักษาหลุมสิว ด้วยการใช้กรด AHA เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาหลุมสิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถทำได้ง่าย แต่การใช้ AHA ในการรักษาหลุมสิวจะต้องใช้เวลามากในการรักษา ขึ้นอยู่กับระดับอาการที่เป็น ซึ่งการใช้กรด AHA ให้ได้ผลดีและเต็มประสิทธิภาพ จะต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้

  1. เริ่มจากดูก่อนว่า หลุมสิวบนใบหน้าเป็นหลุมสิวประเภทไหน หากเป็นเพียงหลุมสิวตื้น ๆ และไม่มาก ก็สามารถใช้กรด AHA ช่วยได้บ้าง แต่หากเป็นหลุมสิวที่ลึกและเยอะ ก็ควรเลือกวิธีการรักษาหลุมสิวแบบอื่น ๆ
  2. ก่อนจะใช้กรด AHA จะต้องดูก่อนว่าผิวหน้ามีความแข็งแรงหรือไม่ เพราะกรด AHA มีสภาพเป็นกรดทำให้ใบหน้าบอบบางลงเมื่อใช้ ดังนั้นหากเป็นคนที่ผิวหน้าบอบบางหรือแพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการรักษาหลุมสิวด้วยวิธีนี้
  3. การเลือกใช้ความเข้มข้นของกรด AHA เพื่อใช้ในการรักษาหลุมสิว ควรเลือกที่มีปริมาณความเข้มข้น 8-10% ขึ้นไป ซึ่งหากความเข้มข้นน้อยกว่านี้ ก็อาจไม่เห็นผลการรักษา ซึ่งในการรักษาของแพทย์ผิวหนัง ด้วยการทำ Treatment ในคลินิก จะมีการใช้ AHA ที่มีความเข้มข้นสูงมากถึง 50-70% แต่ทั้งนี้การใช้กรด AHA ที่มีความเข้มข้นสูง ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากใช้ไม่ถูกต้องก็อาจทำอันตรายต่อผิวหน้าได้
  4. การรักษาหลุมสิวด้วยกรด AHA จะทำให้ผิวหน้าบางลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเมื่อต้องออกจากบ้านหรือออกไปเจอแสงแดดจ้า ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ให้เหมาะกับกิจกรรมที่ทำ และควรทาซ้ำทุก ๆ 2-4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ

และในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA ควรเลือกที่ได้มาตรฐาน และมีการรับรองจาก อย. (องค์การอาหารและยา) เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหน้า

วิธีรักษาหลุมสิว

วิธีการรักษาหลุมสิวด้วยโปรแกรม Minisubcision (Mini Scar)

การรักษาหลุมสิว ด้วยโปรแกรม Mini Scar เป็นโปรแกรมเพื่อแก้ไขหลุมสิว ช่วยในการเติมเต็มหลุมสิวให้กลับมาเต็มอีกครั้ง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนโดยที่มีอาการบวมช้ำน้อยกว่า ไม่ต้องใช้เลเซอร์ ไม่ต้องใช้ความร้อน ไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน

ทำความรู้จักกับคอร์ส Mini Scar
Mini Scar คือรูปแบบการแก้ไขปัญหารอยหลุมสิวที่ได้รับการพัฒนาขึ้น และเน้นเฉพาะตรงจุดที่เป็นปัญหา ทำให้ผิวหน้าส่วนอื่นได้รับผลกระทบอย่างน้อยที่สุด ซึ่งในการรักษาจะมีวิธีการด้วยกันดังนี้

เริ่มจากแพทย์ผู้ทำการรักษาจะทำการวิเคราะห์สภาพผิวหน้ากับรอยหลุมสิวที่เป็นปัญหาว่าตรงไหนควรแก้ไขมากหรือน้อย ต่อมาผู้เชี่ยวชาญจะทำความสะอาดผิวหน้า ตามด้วยทายาชาตรงบริเวณผิวหน้าเป็นเวลาประมาณ 45 นาที เพื่อที่จะช่วยลดอาการเจ็บปวดจากการทำโปรแกรม Mini Scar และเมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะนำเข็มที่ออกแบบมาพิเศษโดยเฉพาะ ทำการกดและเซาะเข้าไปตรงบริเวณที่เป็นรอยหลุมสิว เพื่อเลาะและตัดพังผืดที่อยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งเหนี่ยวรั้งไม่ให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้เกิดเป็นหลุมสิว จากนั้นแพทย์จะทำการรักษาแผลแดง ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยการเช็ดด้วยยาฆ่าเชื้อกับโลชั่นบำรุงผิ และให้คำแนะนำกับผู้ให้รับบริการเพื่อนำไปปฏิบัติที่บ้าน การทำโปรแกรม Mini Scar เป็นการรักษาหลุมสิวที่มีการทายาชาบริเวณผิวหน้าก่อน จึงทำให้ไม่มีความเจ็บปวดหรือเจ็บปวดน้อยมากจากการทำโปรแกรม Mini Scar

โปรแกรม Mini Scar ทำกี่ครั้ง จึงจะเห็นผล
โดยปกติแล้ว การทำโปรแกรม Mini Scar จะเริ่มสังเกตเห็นว่ารอยหลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น และในบางรายที่มีปัญหารอยหลุมสิวมากก็จะสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เมื่อเริ่มทำครั้งที่ 2 หรือ ครั้งที่ 3 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำโปรแกรม Mini Scar ซึ่งเป็นรูปแบบการเติมเต็มรอยหลุมสิว โดยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อกับคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว ดังนั้นผู้เข้ารับบริการจึงควรเข้ารับการบริการต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยผลลัพธ์จะเห็นเด่นชัดมากขึ้น เมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 3 เดือน หลังจากเริ่มทำครั้งแรก ซึ่งผิวหน้าจะเต่งตึงยืดหยุ่นเป็นธรรมชาติ เพราะคอลลาเจนใต้ผิวได้รับการเสริมสร้างมาใหม่ และผิวหน้าที่มีรอยหลุมสิวจะได้รับการดูแลจนกลับมาเรียบเนียน

ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวเบื้องต้นสำหรับผู้เข้ารับบริการ

  1. ควรงดล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทุกชนิด และงดทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ หลังเข้ารับบริการ 1 วัน เพื่อป้องกันอาการแสบในบริเวณจุดที่ทำ
  2. ช่วง 3-7 วันแรก ที่ผิวหน้ายังมีรอยแดง ควรงดให้ใบหน้าโดนแสงแดดจ้า และควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง รวมทั้งในช่วงนี้ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าเกิดการบวมแดง
  3. ห้ามแกะสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้แผลเกิดการอักเสบและติดเชื้อ
  4. หลังรับการรักษา 1-2 วัน ผิวจะแดงและอาจลอกเป็นขุยบ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ผู้เข้ารับการบริการควรใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้ามากกว่าปกติ ในช่วง 1 อาทิตย์แรก สามารถแต่งหน้าและล้างหน้าได้ตามปกติ


LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here